ASW ชี้ตลาดอสังหาฯท้ายปีคึกคัก อานิสงส์ผ่อนเกณฑ์ LTV หนุนกำลังซื้อเพิ่ม 

27 ต.ค. 2564 118 0

          “แอสเซทไวส์” ลั่นมาตรการการผ่อนเกณฑ์ LTV หนุนตลาดอสังหาฯ ท้ายปีนี้คึกคัก เชื่อช่วยเพิ่มกำลังซื้อ-เป็นประโยชน์กับลูกค้า พร้อมขานรับมาตรการ หลังตุนสินค้าพร้อมโอนมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท

          นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) ให้สามารถกู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั้งบ้านหลังแรก และหลังถัดไป ทั้งหลังที่ 2 และ 3 ได้ 100% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จะส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์

          “การที่ธปท. ประกาศผ่อนคลายมาตรการ LTV สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ถือเป็นมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เนื่องด้วย Supply คอนโดมิเนียมที่ลดน้อยลง ปรับเข้าสู่สภาวะที่สมดุลกับ Demand จะทำให้พบลูกค้าในกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่มีความต้องการที่อยู่อย่างแท้จริง” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

          ทั้งนี้ หลังจากที่มาตรการ LTV มีผลบังคับใช้เป็นครั้งแรก (1 เม.ย. 2562) ทำให้ผู้บริโภคมีความสนใจอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มระดับราคา 1-3 ล้านต่อยูนิตมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์อย่างทันท่วงทีให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และบริษัทมีสินค้าที่หลากหลายในกลุ่มระดับราคานี้

          สำหรับการผ่อนคลายมาตรการ LTV ดังกล่าว จะช่วยกำลังซื้อโดยรวมและเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยให้ตัดสินใจซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวคึกคักขึ้นในช่วงท้ายปี 2564 ควบคู่กับมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่มีมาก่อนหน้านี้ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับที่ต่ำ

          ดังนั้น จะส่งผลต่อความต้องการสินค้าของบริษัทในทุกเซกเมนต์ ซึ่งมาตรการผ่อนคลาย LTV นี้ จะช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องมีวางเงินก้อนจำนวนมากมาวางเงินดาวน์ ตอบรับกับสภาวะปัจจุบันที่ลูกค้าต้องการเก็บเงินก้อนไว้ หรือสำหรับบางกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในการผ่อน แต่ไม่ได้มีเงินก้อนมากพอ ก็จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีโอกาสในการเป็นเจ้าของได้มากขึ้น

          ขณะเดียวกัน มาตรการผ่อนคลาย LTV ยังส่งผลดีอย่างยิ่งต่อกลุ่มสินค้าสร้างเสร็จพร้อมโอน (Ready to Move) ซึ่งบริษัทมีสินค้า Ready to Move มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ในหลากหลายกลุ่มสินค้า ทั้งคอนโดมิเนียมใกล้แนวรถไฟฟ้า สำหรับกลุ่มคนทำงานและครอบครัวที่เดินทางสะดวกสบาย ภายใต้แบรนด์ “โมดิซ” (Modiz) และแบรนด์ “แอทโมซ” (Atmoz)

          นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาและคนทำงานมหาวิทยาลัย และคนทำงานทำเลใกล้เคียง ภายใต้แบรนด์ “เคฟ” (Kave) ซึ่งกระจายอยู่ในหลายทำเล ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่นที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งคาดว่าอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวจะเพิ่มการรับรู้รายได้ของบริษัท

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย